เชี่ยวชาญการเทรดโลหะมีค่า: กลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริงและการจัดการความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด

โลหะมีค่า
10 กรกฎาคม 2025
Metals Expert

คุณได้เรียนรู้แล้วว่าอะไรเป็นแรงขับเคลื่อนราคาทองคำและเงิน ไม่ว่าจะเป็นภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และวัฏจักรเศรษฐกิจ ตอนนี้เราจะเปลี่ยนความรู้นั้นให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่ลงมือทำได้จริง 

ไกด์นี้คือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจอย่างแท้จริง มันถูกออกแบบมาเพื่อพาคุณก้าวข้ามพาดหัวข่าว และช่วยให้คุณเทรดในตลาดโลหะมีค่าได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะถนัดการเทรดแบบ Breakout ตามเทรนด์ หรือสวนทางเทรนด์ (mean reversion) ที่นี่คือจุดที่คุณจะได้ขัดเกลาทักษะให้เฉียบคมยิ่งขึ้น 

มาเริ่มลงมือกันเลย 

 

สารบัญ 

  1. พลังของการมีกลยุทธ์ล่วงหน้า 

  1. กลยุทธ์เบรกเอาต์และการรีเทสต์ 

  1. การย่อตัวหลังจากราคาพุ่ง 

  1. กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ 

  1. กลยุทธ์กลับตัวจากกับดักสภาพคล่อง 

  1. กลยุทธ์กลับตัวตามมุมมองตลาด 

  1. กลยุทธ์เทรดในกรอบราคา 

  1. พิมพ์เขียวกลยุทธ์การเทรดของคุณ 

  1. การบริหารความเสี่ยง: วิธีที่มืออาชีพใช้ชนะตลาด 

  1. จิตเหนือการเทรด 

  1. สรุปใจความสำคัญ 

 

 

 

พลังของการมีกลยุทธ์ล่วงหน้า 

ก่อนที่เราจะพูดถึงการตั้งค่า จุดเบรกเอาต์ หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ลองถอยออกมาเพื่อดูภาพรวมก่อน เพราะไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์แบบใด ทุกอย่างเริ่มต้นจากสิ่งหนึ่งคือ โครงสร้าง 

การเทรดโดยไม่มีแผนก็เหมือนการแล่นเรือโดยไม่มีเข็มทิศ คุณต้องมีความชัดเจนก่อนที่จะใช้เงินลงทุน 

ก่อนเทรดทุกครั้ง ให้ตอบคำถามนี้: 

  • อะไรคือจุดเข้า 

  • อะไรคือปัจจัยพื้นฐานหรือสัญญาณทางเทคนิคที่กระตุ้นให้เข้าเทรด 

  • จะเข้าเมื่อไร และจะออกเมื่อไร 

การมีกลยุทธ์เทรดที่มั่นคงไม่ได้รับประกันว่าคุณจะได้กำไร แต่ช่วยลดความสับสนและควบคุมอารมณ์ในการเทรดได้ดีขึ้น 

"นักเทรดที่สับสนคือผู้แพ้ โครงสร้างที่ชัดเจนคือข้อได้เปรียบของคุณ" 

 

กลยุทธ์การเทรดโลหะมีค่า 

กลยุทธ์เบรกเอาต์และการรีเทสต์ 

ทองและเงินชอบความดราม่า เมื่อราคาทะลุแนวต้านออกไป มักจะย้อนกลับมาทดสอบระดับเดิมอีกครั้ง นักเทรดมืออาชีพจะรอ “โอกาสครั้งที่สอง” เสมอ 

กลยุทธ์ "เบรกเอาต์และรีเทสต์" นี้อาศัยโอกาสจากการย่อตัวหลังเบรกเอาต์ โดยผสมผสานแนวรับแนวต้านที่ชัดเจนเข้ากับปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเข้าเทรดในจังหวะที่มีโอกาสสำเร็จสูง 

โครงร่างทั่วไปของกลยุทธ์: 

  • ระบุโซนแนวรับแนวต้านในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงหรือรายวัน 

  • ติดตามเหตุการณ์มหภาค เช่น การประกาศนโยบายของธนาคารกลาง ข้อมูลเงินเฟ้อ หรือสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ 

  • สังเกตการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนเมื่อราคาทะลุระดับสำคัญ โดยเฉพาะถ้ามาพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่โดดเด่น แล้ว “รอดู” ว่าราคาจะกลับมาทดสอบระดับเดิมหรือไม่ เพราะนี่อาจเป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับวิเคราะห์เพิ่มเติม 

Screenshot 2568 07 18 At 17.40.56

ตัวอย่าง: ราคาทองคำทะลุ $2,050 จากข่าว CPI ที่เกินคาด แล้วดึงกลับลงมาหลังจากนั้นสองวัน เกิดแท่งเทียนกลับตัวแบบ engulfing นี่คือจุดรีเทสต์ของคุณ 

เมื่อคุณเข้าใจจังหวะการเข้าเบรกเอาต์แล้ว เดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่วิธีใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาหลังข่าวใหญ่ 

การย่อตัวหลังจากราคาพุ่ง 

ตลาดมักตอบสนองเกินจริงในตอนแรก แล้วค่อยคิดตามทีหลัง คุณไม่จำเป็นต้องรีบเข้าให้เร็วที่สุด แต่ควรเข้าให้ถูกจังหวะที่สุด 

แรงกระตุกของตลาดแบบนี้มักทำให้ราคาพุ่งขึ้นแรง ก่อนจะดึงกลับในที่สุด แทนที่จะรีบเข้าในช่วงที่ตื่นเต้น นักเทรดที่มีประสบการณ์จะรอให้ราคาย่อตัวกลับมายังบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่ชัดเจนก่อน 

กลยุทธ์นี้เน้นเรื่อง “ความอดทน” และการเข้าเทรดในจังหวะที่สอง 

Screenshot 2568 07 18 At 17.43.03

รออย่างใจเย็นหลังจากราคาพุ่งขึ้นจากข่าวใหญ่ ให้ราคาย่อตัวกลับลงมายังระดับโครงสร้างที่สำคัญ มองหาสัญญาณกลับตัว เช่น แท่งเทียน engulfing หรือรูปแบบ hammer ซึ่งสามารถให้จุดเข้าเทรดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมการควบคุมความเสี่ยงที่ดีกว่า 

การรู้วิธีรับมือกับแรงตอบสนองของตลาดเป็นสิ่งสำคัญ แต่อีกทางเลือกที่ทรงพลังไม่แพ้กันคือ การจับแนวโน้มใหญ่ให้ได้ตั้งแต่ต้น 

 

กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์

เมื่อราคาของโลหะเคลื่อนที่ในทิศทางที่ชัดเจนเนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ต่อเนื่อง (เช่น อัตราเงินเฟ้อหรือความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์) เทรนด์เหล่านี้มักจะอยู่ได้นานกว่าที่นักเทรดคาดการณ์ไว้ บทนี้จะอธิบายวิธีการระบุและเทรดตามแนวโน้มหลักของตลาด โดยเน้นให้เทรดไปในทิศทางเดียวกับแรงขับเคลื่อนหลักของตลาด 

Screenshot 2568 07 18 At 17.45.02

ในการใช้งานจริง ให้เริ่มจากระบุทิศทางของเทรนด์โดยใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น EMA 20, 50 หรือ 200 วัน 

ยืนยันแนวโน้มด้วยพฤติกรรมของราคา เช่น การเกิดจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Highs) และจุดต่ำสุดที่ยกตัวขึ้น (Higher Lows) แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น 

เข้าเทรดเมื่อราคาย่อตัวกลับมายังค่าเฉลี่ยเหล่านี้ โดยให้มีแท่งเทียนยืนยันสัญญาณ เช่น bullish pin bar 

ตัวอย่าง: ราคาซิลเวอร์ปรับตัวขึ้นเมื่ออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง ราคาย่อลงมาทดสอบ EMA 50 แล้วเกิดแท่ง bullish pin bar ที่ระดับดังกล่าว นั่นคือสัญญาณยืนยันของคุณ 

มุมมองด้านปัจจัยพื้นฐาน 

กลยุทธ์นี้จะมีพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อผสานกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เช่น 

หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางยังคงใช้นโยบายผ่อนคลาย ราคาทองคำและซิลเวอร์มักมีแรงส่งขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นักเทรดอาจพบว่าการซื้อเมื่อราคาย่อตัวในทองคำสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและแนวโน้มตลาดโดยรวม 

กลยุทธ์นี้เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการไหลไปตามทิศทางของตลาด มากกว่าการพยายามคาดการณ์จุดเปลี่ยนอย่างแม่นยำ 

"เทรนด์คือเพื่อนของคุณ จนกว่ามันจะหักโค้ง" 

 

การเข้าใจแนวโน้มถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตลาดไม่ยุติธรรมเสมอไป การรู้ว่าเมื่อใดที่การเบรกเอาต์เป็นของจริง และเมื่อใดที่เป็นเพียงกับดักของรายใหญ่ ถือเป็นทักษะสำคัญ 

 

กลยุทธ์กลับตัวจากกับดักสภาพคล่อง 

แม้ว่ากลยุทธ์เทรดตามเทรนด์และการเบรกเอาต์จะให้ผลตอบแทนที่สูงได้ แต่ไม่ใช่ทุกการเบรกเอาต์จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง ตลาดมักจะวางกับดัก หลอกให้เทรดเดอร์ซื้อเบรกเอาต์ปลอม หรือขายเบรกดาวน์หลอกๆ 

กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณระบุและรับมือกับกับดักเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันไม่ให้คุณทำผิดพลาดราคาแพง และช่วยให้การเทรดของคุณสอดคล้องกับอารมณ์ของตลาดที่แท้จริง แทนที่จะถูกหลอกด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่จงใจสร้างขึ้น 

Screenshot 2568 07 18 At 17.47.26

นี่คือจังหวะที่เรียกว่า “ดึงสภาพคล่อง” (liquidity grab) เทรดเดอร์ที่ช่ำชองจะสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ได้ เช่น 

  • ราคาทะลุระดับสำคัญแต่ไม่สามารถยืนเหนือระดับนั้นได้ 

  • มีแท่งเทียนกลับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น rejection candle 

  • พิจารณาฉากหลังของการเบรกเอาต์ว่าเกิดจากข่าวที่ไม่แข็งแรงหรืออารมณ์ตลาดหรือไม่ 

ตัวอย่าง: ราคาซิลเวอร์ทะลุ $26 หลังจากเฟดให้สัญญาณผ่อนคลาย แต่ในวันถัดมา รายงาน NFP ออกมาดีกว่าคาด ราคาจึงดิ่งลง และมีแท่ง engulfing bearish ยืนยันว่ามันคือกับดัก 

"เงินทุนฉลาดเข้าซื้อในจุดที่รายย่อยขาย อย่าติดกับดัก" 

กับดักแบบนี้ไม่ใช่ชนิดเดียวที่เทรดเดอร์ต้องเจอ บางครั้งอารมณ์ของตลาดเองก็เป็นกับดักตัวใหญ่ที่สุดของคุณได้ เมื่อทุกคนมั่นใจเกินไปกับการเทรดใดการเทรดหนึ่ง นั่นมักจะเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังจะหันหัวกลับทิศ 

กลยุทธ์กลับตัวตามมุมมองตลาด 

เมื่อเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มีมุมมองขาขึ้นหรือขาลงมากเกินไป นั่นมักเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะสุดขั้ว และมีแนวโน้มที่จะกลับทิศ กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณอ่านค่าอินดิเคเตอร์ที่สะท้อน “มุมมองตลาด” และตรวจจับ divergence ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้คุณจับจังหวะสำคัญที่ฝูงชนกำลังเข้าใจผิด และอาจทำกำไรจากการสวนทางพวกเขา 

Screenshot 2568 07 18 At 17.51.25
  • ตรวจสอบรายงาน COT, ตำแหน่งถือของรายย่อย หรือกระแสบนโซเชียล 

  • มองหา divergence เช่น ราคาขึ้นแต่ momentum ลง = สัญญาณเตือน 

  • จับตาแนวรับแนวต้านสำคัญ หากหลุดแนวรับ อาจเป็นสัญญาณการกลับตัว 

ตัวอย่าง: ราคาทองเห็นการถือ Long ของรายย่อยในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ RSI แสดง divergence หากราคาหลุดแนวรับอย่างชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดถึงจุดสูงสุดแล้ว 

"เมื่อทุกคนเอนข้างไปในทางเดียวกัน ตลาดมักจะหันกลับอีกทาง" 

แม้มุมมองสุดโต่งของตลาดจะสร้างโอกาสในการกลับตัวที่ดีได้ แต่อย่ามองข้ามตลาดที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน การเคลื่อนไหวในกรอบไม่ได้หมายถึงความน่าเบื่อเสมอ หากคุณรู้วิธีเทรด มันคืออีกหนึ่งโอกาสในการทำกำไร 

กลยุทธ์เทรดในกรอบราคา 

ไม่ใช่ทุกตลาดจะมีแนวโน้มชัดเจน ตลาดโลหะมีค่าโดยเฉพาะ มักเคลื่อนไหวในลักษณะ "ไซด์เวย์" เป็นเวลานาน แทนที่จะหลีกเลี่ยงช่วงเวลานิ่งๆ แบบนี้ เทรดเดอร์มืออาชีพกลับมองเห็น "โอกาส" ที่แฝงอยู่ในภาวะตลาดไร้เทรนด์ 

กลยุทธ์นี้จะพาคุณไปดูวิธีทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่สลับไปมาระหว่างแนวรับและแนวต้านอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนความนิ่งของตลาดให้กลายเป็นจังหวะเทรดที่ชัดเจน 

Screenshot 2568 07 18 At 17.53.11

นี่คือลักษณะของกลยุทธ์ fade: 

  • หากรอบราคาที่ชัดเจน เช่น ทองเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง $1,920 ถึง $1,970 ตลอดเวลา แบบนี้คือน่านน้ำของคุณ 

  • รอคอนเฟิร์มใกล้ๆ ขอบของกรอบราคา 

  • ตั้งจุดตัดขาดทุน (stop loss) ให้อยู่นอกกรอบ และตั้งเป้าทำกำไรที่ฝั่งตรงข้าม หรือบริเวณกึ่งกลางของกรอบ 

กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับช่วงที่ตลาดสงบ หรือกำลังรอข่าวใหญ่ที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 

เมื่อคุณได้สำรวจกลยุทธ์ต่างๆ ไปแล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดไปคือการรวบรวมทุกอย่างให้อยู่ในแผนที่เป็นระบบและนำไปใช้ได้จริง นี่คือวิธีที่จะกำหนดแผนการเทรดของคุณให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ 

พิมพ์เขียวกลยุทธ์การเทรดของคุณ 

หลังจากศึกษากลยุทธ์ต่างๆ แล้ว การเปลี่ยนทฤษฎีให้กลายเป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติได้จริงถือเป็นสิ่งสำคัญ พิมพ์เขียวกลยุทธ์การเทรดของคุณเปรียบเสมือนแผนที่ละเอียด ที่เปลี่ยนแนวคิดกว้างๆ ให้กลายเป็นการลงมือทำที่ชัดเจน 

ในส่วนนี้จะช่วยแนะนำคุณในการกำหนดรูปแบบการเทรด จุดเข้าออก และการบริหารความเสี่ยงอย่างแม่นยำ เพื่อให้ทุกการตัดสินใจในการเทรดมีเป้าหมายและความโปร่งใส 

แผนการเทรดที่ดีควรประกอบด้วย: 

  • รูปแบบตั้งต้น: คุณเห็นอะไร 

  • สัญญาณยืนยัน: อะไรคือสัญญาณที่ทำให้คุณมั่นใจ 

  • จุดเข้าเทรด: จะเข้าตรงไหน 

  • คำสั่งหยุดขาดทุน: ถ้าทิศทางผิด จะหยุดตรงจุดใด 

  • เป้าหมายทำกำไร: คาดหวังผลตอบแทนที่ตรงไหน 

  • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: คุ้มค่าหรือไม่ 

เขียนมันออกมาไม่มีข้อยกเว้น 

"แผนที่ถูกจดไว้อย่างดี จะเปลี่ยนความวุ่นวายให้กลายเป็นความชัดเจน" 

เมื่อมีแผนการเทรดที่ชัดเจนแล้ว ก็ถึงเวลาปกป้องเงินทุนของคุณ การบริหารความเสี่ยงคือรากฐานของความสำเร็จในระยะยาว มาเริ่มต้นอย่างมั่นใจ เพื่อให้เส้นทางการเทรดของคุณยืนยาว 

การบริหารความเสี่ยง: วิธีที่มืออาชีพใช้ชนะตลาด 

อย่ามัวแต่มองหาจุดสูงสุดหรือต่ำสุดของราคา การเทรดจริงคือการควบคุมความเสี่ยงด้านขาลงให้ได้ 

ไม่มีกลยุทธ์การเทรดใดจะอยู่รอดได้ หากขาดการบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ขณะที่เทรดเดอร์มือใหม่มักไล่ตามกำไร มืออาชีพจะให้ความสำคัญกับการปกป้องเงินทุนก่อนเป็นอันดับแรก 

ในส่วนนี้จะเน้นหลักการสำคัญของการบริหารความเสี่ยง เช่น การตั้งจุดหยุดขาดทุนอย่างมีวินัย การกำหนดขนาดการถือครองอย่างรอบคอบ และการใช้เลเวอเรจอย่างเหมาะสม เพื่อให้เส้นทางการเทรดของคุณยั่งยืนและมีกำไรในระยะยาว 

หลักการสำคัญ: 

  • ใช้คำสั่งหยุดขาดทุนทุกครั้ง 

  • อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ต 

  • ปรับขนาดการถือครองให้เหมาะกับระยะจุดตัดขาดทุน 

  • หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูง โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น เงิน 

ความเสี่ยงเป็นสิ่งเดียวที่คุณควบคุมได้ จงเป็นเจ้าของมัน 

"หน้าที่ของคุณไม่ใช่การเทรดให้ถูก แต่คือการอยู่ให้รอด" 

แม้แต่การบริหารความเสี่ยงที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถช่วยได้ หากคุณมีแนวคิดที่ผิดพลาด การเทรดไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือจิตวิทยาด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าจะสร้างความแข็งแกร่งทางใจให้ตัวเองได้อย่างไร 

จิตเหนือการเทรด 

ศึกที่ยากที่สุด? มันอยู่ระหว่างสองหูของคุณเอง 

แม้จะมีกลยุทธ์ที่ดีและการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมแค่ไหน ทุกอย่างก็พังได้ หากสภาพจิตใจของคุณไม่พร้อม 

จิตวิทยาการเทรดคือปัจจัยลับที่มักแยกเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ ออกจากผู้ที่ยังล้มลุกคลุกคลาน การเข้าใจว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ของคุณ การมีวินัย และการรับมือกับแรงกดดันทางจิตใจ ล้วนสำคัญไม่แพ้ความรู้ด้านเทคนิคหรือพื้นฐาน 

  • อย่าเทรดเพื่อล้างแค้นหลังจากขาดทุน 

  • อย่าหลงระเริงเมื่อชนะ 

  • อย่าเพิ่มไม้เทรดซ้ำเพราะหงุดหงิด 

จงติดตามอารมณ์ของตัวเอง เรียนรู้รูปแบบพฤติกรรม อยากรู้มากกว่านี้? ดาวน์โหลดฟรีได้ที่ eBook Trading Psychology  

"วินัยอาจดูน่าเบื่อ แต่มันคือสิ่งที่ให้ผลตอบแทน" 

 

สรุปใจความสำคัญ 

ความสำเร็จในการเทรดโลหะมีค่ามักมาจากการเตรียมความพร้อม ไม่ใช่การคาดเดา 

สิ่งสำคัญไม่ใช่การมีกลยุทธ์นับไม่ถ้วน แต่คือการเข้าใจแนวทางใดแนวทางหนึ่งอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับการบริหารความเสี่ยง และคงสภาพจิตใจให้มั่นคง 

ปรับกระบวนการของคุณ ทดสอบมัน สร้างความมั่นใจในวิธีของคุณ 

ลองสำรวจการเทรดกับ Doo Prime แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อความชัดเจนและการควบคุม 

ก้าวต่อไปของคุณ เริ่มต้นตรงนี้ 

 

คำชี้แจง 

ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรถูกตีความว่าเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอซื้อขาย หรือคำเชิญชวนให้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ ทั้งสิ้น ข้อมูลนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้อ่านแต่ละคนหรือความต้องการเฉพาะ และไม่ควรถูกมองว่าเป็นคำแนะนำเฉพาะบุคคลข้อมูลผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวชี้วัดที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต D Prime และบริษัทในเครือไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของข้อมูลที่นำเสนอ และไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการขาดทุนใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้หรือการตัดสินใจลงทุนที่อิงจากข้อมูลนี้ 

โปรดอย่าใช้เนื้อหาข้างต้นแทนการตัดสินใจโดยอิสระของคุณเอง ควรพิจารณาความเหมาะสมของข้อมูลนี้กับสถานการณ์ส่วนบุคคลของคุณก่อนตัดสินใจลงทุน ตลาดมีความเสี่ยง และการลงทุนควรทำด้วยความระมัดระวัง